PARADISE CITY (เมืองสวรรค์ คนอึดล่าโหด)
“เรื่องราวของ เอมิลี่ คูเปอร์ หญิงสาวชาวอเมริกันผู้ย้ายไปทำงานในกรุงปารีส
ที่อาจทำให้เข้าใจความเป็นฝรั่งเศสมากขึ้น”
ชื่อเรื่อง : Paradise City (เมืองสวรรค์ คนอึดล่าโหด)
ประเภท : แอคชั่น, ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ/เขียนบท : ชัค รัสเซลล์
นักแสดง : บรูซ วิลลิส, จอห์น ทราโวลต้า, สตีเฟน ดรอฟฟ์, ไปรยา ลุนด์เบิร์ก
ความยาว : 93 นาที
ช่องทางการรับชม : Netflix
เรื่องย่อ : PARADISE CITY
รีวิวหนังPARADISE CITY เมืองสวรรค์ คนอึดล่าโหด เล่าเรื่องราวของ ไรอัน สวอน ที่เดินทางไปมายังดินแดนสวรรค์ อย่าง เกาะฮาวาย เพื่อตามสืบหาปมปริศนาบางอย่างที่พ่อของเขา เอียน สวอน ได้ทิ้งเอาไว้ก่อนจะถูกลอบสังหารจากกลุ่มผู้ที่อิทธิพลในพื้นที่ และนั่นทำให้เขาได้เดินลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่อันตรายและตกอยู่ในบ่วงที่เขามีสิทธิ์ก็สิ้นชื่อตามรอยพ่อตัวเองไปด้วย
ก่อนอื่นใดก็บอกกันตรงไปตรงมาเลยว่า ดูหนัง Paradise City เรื่องนี้ไม่ต้องใช้สมองเยอะ ไม่ต้องคิดเยอะ ปล่อยจอยไปกับสิ่งที่ได้ดูไปจะดีกว่า เพราะนี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับลายคราม “ชัค รัสเซลล์” ที่เขาเคยมีงานดีๆ อย่าง Eraser หรือ The Scorpion King ในอดีต แม้ว่าปัจจุบันพลังการเป็นผู้กำกับแถวหน้าของเขาแทบจะไม่เหลือ และเบนเข็มมาสร้างหนังบู๊ทุนต่ำเอาใจตลาดนี้แทน
แน่นอนว่างานสร้างของเขาก็แทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย ทุกองค์ประกอบคือสูตรสำเร็จแบบเชยๆ ทั้งมุมกล้อง มุมภาพ รวมไปทั้งจังหวะการเล่าเรื่องหรือลำดับเรื่องต่างๆ ก็ถือว่าแทบจะไม่ออกนอกกรอบใดๆ เลย แต่ยังดีที่วิสัยทัศน์ในการทำหนังบู๊ยังจัดว่าดี โดยเฉพาะการดีไซน์งานภาพและจัดองค์ประกอบภาพในฉากเฉือนคมหลายๆ ซีน ถือว่ารักษาสไตล์เอาไว้ได้ดี แม้ว่ามันจะช่วยในภาพรวมอะไรไม่ได้สักเท่าไหร่
ขณะที่บทหนังของ Paradise City ถือว่าเหมือนน้ำเหลวๆ ที่แทบจะไม่มีตะกอนใดๆ ตกออกมาให้เห็นเลย เป็นบทน้ำใสๆ ที่ใสหมดจดชนิดที่คนดูแทบจะไม่ได้อะไรเลยจากบทหนังเรื่องนี้ มันเป็นไปตามสูตรสำเร็จ กับบทพูดของตัวเองที่เหมือนจะสำคัญ แต่กลับไม่มีน้ำหนักและไร้ซึ่งที่น่าจดจำไปตลอดทั้งเรื่อง
และถึงแม้ว่า Paradise City จะได้แคสติ้งนักแสดงค่อนข้างเบอร์ดีมาหลายๆ คน แต่เพราะพื้นฐานของบทที่ยังล้มเหลว ก็ไม่อาจจะพาให้ทีมนักแสดงขุดการแสดงที่ดีออกมาได้นัก ไม่ว่าจะเป็น บรูซ วิลลิส หรือ จอห์น ทราโวลต้า ที่กลับมาเจอกันอีกครั้งในหนังเรื่องเดียวในรอบเกือบ 30 ปี แต่ดันกลายเป็นการรียูเนี่ยมที่จืดสนิทและไม่น่าจดจำอะไรเลย
บทสรุป : PARADISE CITY
แม้ว่าพวกเขาจะถ่ายทอดออกมาได้ดีตามมาตรฐานของตัวเอง แต่บทและมิติของตัวละครที่พวกเขาได้รับ ซึ่งไร้ด้วยชั้นเชิงใดๆ ก็ไม่อาจจะช่วยเหลือคาแรกเตอร์เหล่านี้ดูดีขึ้นมาได้ เช่นเดียวกัน สตีเฟน ดรอฟฟ์ และ เบลค เจนเนอร์ ที่ถือว่าเป็นดาราสมทบเบอร์ดีที่มาร่วมแจม แต่บทไม่ส่ง และทำพวกเขาออกมาไม่ต่างกับดาราตัวประกอบคนหนึ่งในหนังเรื่องนี้
ทางด้าน ปู ไปรยา ที่ทำออกมาในฐานะนักแสดงนำหญิงในหนังฮอลลิวูดเรื่องแรกของเธอ ก็ถือว่าพอใช้ได้ แต่ลีลาการแสดงและการดีไซน์บทกับตัวละครยังต้องไปขัดเกลาอีกเยอะ บทของปูนั้นถือว่ามีซีนเยอะพอสมควรเลย แต่กลับยังไม่สามารถทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นมาได้เท่าไหร่ การแสดงอาจจะไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ดีที่สุด เนื่องจากประสบการณ์บนเวทีโลกของเธอ และด้วยองค์ประกอบของหนังเองด้วย
เอาเป็นว่าในภาพรวมนั้น Paradise City เรื่องนี้ อาจจะยังไม่ใช่หนังบู๊แอคชั่นเชือดเฉือนของ 2 นักแสดงรุ่นเก๋าที่ใครๆ หมายปองเอาไว้ น่าเสียดายที่สเกลของมันยังไปไม่ถึงในจุดนั้น แต่กระนั้นหนังก็ถือว่ายังตอบโจทย์ความบันเทิงในแง่ที่ต้องการอยากให้ผู้ชมได้รับเป็นอย่างดี ได้ดูทีมนักแสดงแบบปังๆ ทั้งเรื่องก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วนะ ถึงในท้ายที่สุดผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ มันจะไม่ได้อะไรติดตัวและติดหัวกลับออกมาด้วยเลยก็ตามที
ตัวอย่างหนัง : PARADISE CITY
ติดตามรีวิวหนังเพิ่มเติมได้ที่ : เว็บรีวิวหนัง
รีวิวหนังน่าดูเพิ่มเติม : BAD BOYZ BAND