ALIENOID

“ภาพยนตร์แนวต่อสู้คอมเมดี้แฟนตาซีเมื่อเอเลี่ยนต้องมาปะทะกับจอมยุทธเกาหลี ”

ชื่อเรื่อง : ALIENOID

ประเภท : การกระทำ / ผจญภัย / แฟนตาซี

ผู้กำกับ/เขียนบท : ดงฮุน ชอย

นักแสดง : ยุน บยองฮี / ลี ดงฮี / คิม อึยซอง / ชิม ดาล กี

ความยาวหนัง : 142 นาที

ช่องทางการรับชม : –

เรื่องย่อ : ALIENOID

ALIENOID หากคุณได้มีโอกาสทำภาพยนตร์แนวแฟนตาซีคุณจะเลือกยกเอาตัวละครไหนมาเป็นตัวละครร้ายที่มีบทบาทโดดเด่นที่สุดในเรื่อง หลายคนอาจเลือกแวมไพร์ บางคนก็เลือกซอมบี้ที่ได้รับความนิยม หรือไม่ก็เป็นเอเลี่ยนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ผู้รับชมรู้สึกอยากจะติดตามเรื่องราวของพวกเขาอยู่ดี

แต่ภาพยนตร์เอเลี่ยนธรรมดาทั่วไปก็คงจะน่าเบื่อเพราะในวงการภาพยนตร์ก็มีการสร้างออกมามากมายหลายต่อหลายเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้จึงเป็นการนำเสนอการต่อสู้กับเอเลี่ยนที่ทั้งแปลกและแหวกแนวแถมยังตลกอีกต่างหากนั่นก็คือ ALIENOID ภาพยนตร์แนวต่อสู้คอมเมดี้แฟนตาซีที่เอเลี่ยนจะต้องมาต่อสู้กับจอมยุทธเกาหลีเสียอย่างนั้น เรียกได้ว่าฉีกภาพลักษณ์ภาพยนตร์แนวแฟนตาซีไซไฟไปเลย

เป็นยุคโบราณของเกาหลีใต้ที่ช่วงเวลานั้นลัทธิเต๋ากำลังพยายามที่จะเป็นลัทธิที่เรืองรองไปทั่วทั้งแผ่นดิน พวกเขาได้แผ่ขยายความเลื่อมใสไปทั่วทั้งเกาหลี โดยเป้าหมายของพวกเขานั้นคือการตามหากริชลึกลับที่ต้องการจะครอบครองให้สำเร็จ ต่อมาในยุคปัจจุบันปี 2022

ได้เกิดเหตุการณ์ช็อคโลกเมื่อมีมนุษย์ต่างดาวบุกเข้ามารุกรานและทำให้ประตูทวิภพระหว่างช่วงเวลาทั้งสองฝั่งเปิดขึ้น อดีตและปัจจุบันได้บรรจบกันเครดิตพอดีในช่วงเวลาวิกฤตการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่มีมวลมนุษยชาติเป็นเดิมพัน ด้วยเหตุนี้จอมยุทธเกาหลีจึงต้องใช้วิชาทุกแขนงในการจัดการกับมนุษย์ต่างดาวและปกป้องโลกใบนี้เอาไว้ให้ได้

บทสรุป : ALIENOID

ALIENOID เป็นภาพยนตร์ที่ดูแปลกและแหวกแนวเหมือนทำออกมาเอาค่ะเพราะเป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้คอมเมดี้แฟนตาซีอยู่แล้ว แต่ความจริงแล้วถือว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เลยทีเดียว น่าเสียดายที่มันไม่ได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ไทยแต่ก็ได้ฉายใน AMAZON FRAM ให้เราได้รับชมเช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่กล้าได้กล้าเสียไม่น้อยเลยทีเดียวกับการนำเอามนุษย์ต่างดาวมาต่อสู้กับจอมยุทธเกาหลีที่ดูเหมือนจะไม่เข้ากันเลยแม้แต่น้อย

แถมยังยำรวมเวทมนต์และการเดินทางข้ามเวลามาผสมผสานกันอีกต่างหาก ภาพยนตร์แนวนี้ดูเหมือนว่าจะมีแต่ในฝั่งเอเชียเท่านั้นที่ทำได้ แต่น่าเสียดายด้วยความที่ภาพยนตร์ยำใหญ่จนเกินไปทำให้เรื่องราวที่เล่าออกมามันเลยไปไม่สุดสักทางถึงแม้ว่ามันจะทำออกมาได้อย่างน่าสนใจมากแค่ไหนก็ตามที จุดขายอีกหนึ่งอย่างของ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คืองานคอมพิวเตอร์กราฟิกที่ทำออกมาได้ดีสมกับเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ มีฉากการขับยานลบไล่ล่าจนเมืองพังพินาศ ตัวละครมนุษย์ต่างดาวก็ทำออกมาได้อย่างแนบเนียน

ในส่วนของความเว่อวังอลังการบรรดาจอมยุทธทั้งหลายที่สาดเวทมนตร์ต่อสู้ก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว ดังนั้นปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นการนำเอาของแปลกมารวมเข้าด้วยกันที่คงจะทำให้เนียนได้ยากอยู่แล้ว การทำให้บทมีความตลกก็ดูเหมือนจะช่วยได้บ้างแต่น่าเสียดายที่การเล่าหลายอย่างมันเลยเป็นการจับแพะคนแก่ที่ไม่มีเหตุผลจนเกินไป การดำเนินเรื่องราวมันเลยดูไม่ค่อยน่าติดตามกันสักเท่าไหร่ แถมยังมีบางจังหวะที่ใช้เวลาปูเรื่องนานจนน่าเบื่ออีกด้วย